ด้วยเหตุนี้ Choose Love ขอเลือกรัก บางทีก็อาจจะเป็นหนังรักที่ปกติแต่ว่าผู้ชมก็บันเทิงใจได้กับระบบอินเตอร์แอคครั้งฟที่ใส่เข้ามาในประเด็นนี้ เพียงแค่ปลายนิ้วของพวกเราก็สามารถสั่งให้ชีวิตนักแสดงกลับไปๆมาๆก มันเป็นสิ่งที่หาทำไม่ได้ในโลกที่เรื่องจริง นี่ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นเครื่องเพิ่มเติมจินตนาการของผู้ชมก้าวหน้าในระดับหนึ่งเลย
ซีรีส์ที่ผลิตขึ้นจากความเป็นจริง โดยผู้ผลิตกล่าวว่าเป็น “การเลียนแบบเหตุ” ซึ่งก็อาจจะเนื่องจากว่านักแสดงหลักในเรื่องที่การฆ่าสังหารหากแม้ถูกวินิจฉัยมีความผิด แม้กระนั้นก็มิได้เล่าจริงอะไรก็ตามให้แก่สาธารณะชนได้รับทราบ มีแต่ว่าคำโกหกที่บอกกล่าวในศาล ทั้งผองในหัวข้อนี้ก็เลยเสมือนการประกอบเรื่องราวที่มาเรื่องขึ้นมาใหม่ โดยมิได้เป็นแถวการเล่าเรื่องแบบสารคดี แม้กระนั้นเป็นในต้นแบบซีรีส์
โดยใช้แนวทางเล่าจากจุดเริ่มแรกที่มีการเผาร่างเหยื่อในรถยนต์ แล้วย้อนกลับไปเล่าในอดีตกาลนับสิบกว่าปีจนกระทั่งมาถึงเดี๋ยวนี้ พร้อมด้วยตัดสลับเรื่องราวสอบปากคำในขณะนี้พร้อมกันไปด้วย โดยขั้นตอนการเรื่องแบบผู้แสดงถูกสืบสาว บางเวลาก็เสมือนกล่าวผ่านกล้องถ่ายรูปตรงๆแบบซีรีส์ ELITE มีชื่อเสียงของ Netflix ซึ่งผู้ผลิตหัวข้อนี้ Jorge Torregrossa ก็คือผู้กำกับ ELITE ในหลายตอนด้วยเหมือนกัน ก็เลยมีความคล้ายในแบบการเล่าเรื่องออกจะมากมาย
แต่ว่าปัญหาของการเล่าเรื่องนี้ก็คือการตัดสลับสมัยก่อนกับปัจจุบันนี้ที่เชิญให้สับสนนิดๆอยู่เสมอเวลา โน่นด้วยเหตุว่าผู้แสดงในเรื่องเกือบจะปราศจากความเปลี่ยนด้านกายภาพให้มองเห็นเลย หากแม้เวลาผ่านไปเป็น 10 ปี โดยมีเพียงแค่โทรศัพท์เคลื่อนที่อดีตสมัยที่เป็นปุ่มกดกับสมาร์ทโฟนมาทำให้สะดุดกับความต่าง เสื้อผ้าทรงผมก็ทรงเดิมตลอด แล้วการตัดตอนสมัยก่อนกับเดี๋ยวนี้ก็ทำกันตลอดระยะเวลาตั้งแต่ต้นกระทั่งหมดเรื่องเลยด้วย
รีวิวหนัง “Choose Love ขอเลือกรัก” สนุกสนานกับอินเตอร์แอคคราวฟ ได้เลือกผู้เสียสละยัยแคมี
นี่น่าจะเป็นประสบการณ์ทีแรกๆที่ได้ได้โอกาสมีส่วนร่วมแบบอินเตอร์แอคหนฟ (Interactive) กับหนังเน็ตฟลิกซ์ ชี้ชะตาผู้แสดงด้วยปลายนิ้วกดของผู้ชม กับหนังโรแมนติกแสนเชย เชยจนถึงชื่อ อย่าง “Choose Love ขอเลือกรัก” ที่แปลงเป็นหนังเฉิ่มๆที่สนุกสนานได้น่าฟังการมีส่วนร่วมสำหรับในการระบุเรื่องราวจากผู้ชมเอง
แต่ว่าแม้พล็อตมันจะซ้ำๆซากๆก็ตาม แม้กระนั้นส่วนสำคัญแล้วก็เป็นส่วนประกอบที่สะดุดตาของหนัง ก็จะต้องชูให้เคมีของ 2 ผู้แสดงนำฝ่าย ที่พวกเขาสามารถผนึกกำลังรวมร่างพากันประคับประคองหนังหัวข้อนี้ไปแบบสุดทาง ถึงจะยังไม่ใช่ผลงานระดับมาสเตอร์พีชและก็เพอร์เฟ็คที่สุด แม้กระนั้นทั้งคู่ก็นำพลังความเป็นซุปตาร์แล้วก็มือโปรสำหรับเพื่อการเป็นดาราหนังถ่ายทอดออกมาให้ผู้ชมปลดปล่อยหน้าจอยไปกับหนังได้ตลอด 2 ชั่วโมง
พวกเขาทั้งคู่ต่างเคยร่วมงานกับผู้กำกับคิมมาแล้วทั้งนั้น “ฮาจองอู” เคยนำแสดงในหนังเรื่องก่อนของผู้กำกับรายนี้ อย่าง Tunnel เมื่อปี 2016 ในเวลาที่ “จูจีฮุน” ก็เคยชินกันดีกับซีรีส์ Kingdom นั่นเอง ถือได้ว่าเป็นหนังที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์และก็เสน่ห์ทางการแสดงของผู้แสดงที่ทำออกมาเจริญจริงๆพวกเขาสมหน้าที่ได้อย่างไหลลื่น เพลิน แล้วก็เต็มไปด้วยอินเนอร์ที่ทรงอำนาจ ในขณะที่บทหนังก็เกือบจะไม่มีพาวเวอร์อะไรก็ตามเลยก็ตาม
หนังก็สร้างออกมาตามสูตรเดิมๆของหนังทริลเลอร์-จับกุมตัวรับรองที่เคยมองกันปกติ เลียม นีสัน ก็ยังคงแบกรับบทของเขาเองเจริญตามสูตร ซึ่งก็บางครั้งก็อาจจะเป็นเนื่องจากหนังจุดโฟกัสอยู่เพียงแค่ที่เขาผู้เดียว จนถึงครั้งคราวก็ลืมไปว่ายังมีดาราหนังสมทบคนอื่นร่วมอยู่ด้วย ทำให้ “โนมา มองเมซเวนี”, “เอ็มเบธ ดาวิดซ์” หรือ “แมทธิว โมดีน” เกือบจะสร้างเป็นตัวละครของหนังหัวข้อนี้ไปเลย
ซีรีส์มีลักษณะเด่นสำคัญๆไม่ใช่เรื่องราวในคดี เนื่องจากว่าเกิดเรื่องจริงมีคำพิพากษาไปแล้ว รวมทั้งโดยเรื่องจริงเรื่องราวในคดีนี้ก็มิได้สลับซับซ้อนมากมาย เป็นแถวชู้รักหลายเส้า ซึ่งผู้ผลิตเลือกผู้แสดงสาว เอ้อร์ซูล่า คอร์เบโร (Úrsula Corberó) หรือ เมืองโตเกียวจากซีรีส์ Money Heist นั่นเอง แต่ว่ามาในแบบผมยาวงามที่ชื่อ Rosa ซึ่งจัดว่าประจวบเหมาะกับนักแสดงในเรื่องที่หว่านเสน่ห์ใส่เพศชายมาตลอด ในเรื่องมี 4 ผู้ที่ลุ่มหลงคุณ
รวมทั้งเปลี่ยนแปลงผ่านเพศชายมาเรื่อยโดยเพศชายทุกคนมีปัญหาชีวิตกับคุณทั้งหมด และก็ทุกคนก็เกี่ยวพันกับคดีนี้ในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งซีรีส์ได้เลียนแบบเรื่องราวความเกี่ยวพันนี้มาให้รอบคอบยิบ รวมทั้งตัดสลับเล่าทั้งยัง 4 คนนี้ไปด้วยกับฉากรักเร่าร้อนของแต่ละคน ซึ่งฉากอย่างงี้มีเป็นช่วงๆแทบจะเป็นซีรีส์แนวอีโรติกได้เช่นเดียวกัน ซึ่งผู้ขมที่เน้นย้ำมองคุณก็ตอบปัญหาแน่ๆครับผมอีกสิ่งที่สัมผัสได้อย่างเห็นได้ชัดของภาคนี้ก็คือ การดำเนินเรื่องแบบค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ถึงแม้ตัวหนังจะเริ่มเรื่องได้เร็ว (เนื่องจากไม่ต้องปูเรื่องอะไรมาก)
แต่ว่า Pacing รวมๆนับว่าค่อนข้างจะช้าครับ ในองก์แรกจะเห็นได้ชัดเลยว่าตัวหนังอุตสาหะจะเล่าของแม็กคอลกับสังคมชาวบ้าน แม็กคอลในภาคนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับพล็อตซามูไรพรากจากถิ่นเดือดร้อน ตราบจนกระทั่งได้รับความให้การช่วยเหลือจากราษฎร รวมทั้งเมื่อราษฎรลำบาก ด้วยความรู้สึกสำนึกในข้าวปลาแล้วก็ยา ก็เลยจำต้องตอบแทนคุณด้วยการออกปราบคนอัลธพาล ผ่านพล็อตแบบสอบสวนสืบสวน และก็ฉากแอ็กชันที่กั้นเอาไว้กลางทาง
